[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 294 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
หมวดหมู่ blog
ฝากข้อความ
ชื่อ :
ข้อความ (ตัวแสดงอารมณ์)
รวมลิงค์ที่น่าสนใจ
รวมเว็บที่น่าสนใจ

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
โรคคุดทะราด  VIEW : 1354    
โดย ดร.สุ

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 3
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 1
Exp : 60%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 124.122.41.xxx

 
เมื่อ : พฤหัสบดี ที่ 7 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 เวลา 11:47:11   

ภาษาอังกฤษ yaws เป็นโรคติดต่อเรื้อรัง
มีอาการเป็นแผลตามผิวหนัง พบได้ทั่วร่างกาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี พบได้ในชุมชนผู้ยากไร้ของประเทศเขตร้อน ในประเทศไทยเคยพบมากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พบมากในภาคใต้และภาคอีสาน แต่ปัจจุบันประเทศส่วนใหญ่สามารถควบคุมโรคนี้ได้แล้ว


หมอชาวตะวันตกกำลังรักษาโรคคุดทะราดให้แก่ผู้หญิงชาวอินโดนีเซีย ,ภาพจาก wikipedia
สาเหตุของโรคคุดทะราด : คือเชื้อแบคทีเรียรูปร่างเกรียว ชื่อทรีโพนีมา เพอร์นู (Treponema pertenue) สามารถแพร่กระจายได้ง่ายด้วยการสัมผัส และผ่านเข้าร่างกายทางแผล ผิวหนัง

อาการของโรคคุดทะราด : อาการของโรคหลังจากติดเชื้อไป 3-6 สัปดาห์ สามารถแบ่งระยะของโรคได้เป็น 3ระยะ

ระยะที่ 1 จะตรวจพบตุ่มนูนลักษณะคล้ายหูดที่ผิวหนัง คนไทยเรียกว่าตุ่มแม่ (mother yaw)

ระยะที่ 2 เรียกว่าระยะกระจายตัวของโรค โดยจะพบตุ่มนูนแดงอาจจะดูคล้ายดอกกะหล่ำ อาจจะพบต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้แผลบวมโต ซึ่งผู้ป่วยอาจจะมีไข้ตัวร้อน แผลหรือตุ่มนูนจะลุกลามไปที่ฝ่ามือฝ่าเท้า จนผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดได้

ระยะที่ 3 เป็นระยะที่แผลจะกินลึกลงไปที่เนื้อเยื้อชั้นล่าง รวมถึงกระดูกจนอานเป็นเหตุให้กระดูกกุดสั้น จนบางคนคิดว่าเป็นโรคเรื้อน แต่มีอาการที่แตกต่างจากโรคเรื่อนที่ไม่มีอาการทางประสาทส่วนกลาง ตา หลอดเลือด และไม่ทำให้เสียชีวิต

การติดต่อของโรค : ติดต่อด้วยการสัมผัสโรค เลือด สารคัดหลั่งจากแผล ฯลฯ

คุดทะราดเป็นโรคติดต่อที่ต้องแจ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อป้องกันตามพรบ.โรคติดต่อ 2523
การรักษา : หากเป็นระยะแรกโอกาสหายเองจะสูงกว่า
druggood.com
แต่หากลุกลามก็สามารถรักษาได้ด้วยยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น เบนซาทีนเพนิซิลลิน 1.2 ล้านหน่วย
กรณีผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยาเพนิซิลลินได้อาจจะใช้ tetracycline, erythromycinชนิดเม็ดกิน หรือ Doxycycline นอกจากนั้นยังมีรายงานการศึกษาว่ายา azithromycin กินครั้งเดียวก็มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับ penicillin ชนิดฉีด โดยการรักษาโรคระยะที่1,2 หายขาดได้ แต่การเปลี่ยนรูปของกระดูกไม่สามารุถกลับมาเหมือนเดิมได้

การป้องกัน : ถึงแม้โรคนี้ไม่พบในประเทศไทยเป็นระยะเวลานานแล้วแต่ก็ควรป้องกันไว้ก่อนโดยปฎิบัตเช่นเดียวกับการป้องกันโรคติดเชื้ออื่นๆอาทิ
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง
-รักษาความสะอาดของผู้ดูแล และผู้ป่วยรวมถึงของใช้ส่วนตัวอย่าง เคร่งครัด
-ทำร่างกายให้แข้มแข็ง ออกกำลังกายผักผ่อนให้เพียงพอ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
wikipedia
กรมควบคุมและป้องกันโรค