1. เมืองปารีส (Paris)
เมืองในฝรั่งเศส
Credit : canva.com
เรามาเริ่มต้นกันที่เมืองหลวง มหานครปารีส เมืองที่มีมนต์เสน่ห์ โรแมนติก และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม จนเราต้องทึ่งกันเลยล่ะค่ะ เมืองนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมาย ตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของฝรั่งเศส บนแม่น้ำแซน ใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะ หอไอเฟล สัญลักษณ์ของปารีส จะชมความสวยงามจากทุกมุมของเมืองก็ได้ หรือจะขึ้นไปทานอาหารข้างบน พร้อมชมวิวคล้องพวงกุญแจคู่รักก็ได้เช่นกัน
และจุดน่าเที่ยวของปารีสก็ไม่ได้หมดแค่นี้นะคะ เพราะที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น พระราชวังแวร์ซาย สวนสนุกดีสนีย์แลนด์ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประตูชัย มหาวิหารนอธเธอดาม ให้เราได้เข้าไปเยี่ยมชม และสามารถล่องเรือในแม่น้ำแซนด์ชมเมืองชิล ๆ พร้อมทานอาหารมื้อพิเศษ นอกจากนี้ปารีสยังได้ขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองแห่งคาเฟ่ ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่จุดไหน ก็มักจะเห็นคาเฟ่ริมถนน ให้นั่งจิบเครื่องดื่ม พร้อมชมเมืองกันแบบชิล ๆ ไปเลย ที่สำคัญยังโด่งดังในเรื่องการช้อปปิ้ง โดยเฉพาะน้ำหอม และแบรนด์เนมระดับ Hi-end ต่าง ๆ ซึ่งรวมไว้ที่ปารีสนี่แหละค่ะ รับรองได้เลยว่า ต้องหลงใหลกับบรรยากาศสุดประทับใจ ในการมา เที่ยวฝรั่งเศส ในครั้งนี้อย่างแน่นอน
2. เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg)
เมืองในฝรั่งเศส
Credit : canva.com
เมืองสตราสบูร์ก ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของฝรั่งเศส ติดกับพรมแดนของประเทศเยอรมนี โดยเมืองนี้เป็นเมืองน่าเที่ยวของฝรั่งเศส ที่มีความเป็นเอกลักษณ์แบบสุด ๆ มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทั้ง มหาวิหาร Notre Dame de Strasbourg และ ย่านเมืองเก่าริมน้ำ ที่ให้บรรยากาศดีสุด ๆ เงียบสงบ แถมยังมีอาหารสไตล์ half-timbered ยุคกลาง ให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย รับรองว่าอร่อยถูกปากกันอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ที่นี่ยังได้ชื่อว่า เมืองแห่งวันคริสต์มาส เพราะมีตลาดคริสต์มาสชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส บรรยากาศของเมืองจะตกแต่งด้วยไฟอย่างสวยงาม มีตลาดขายสินค้าเก๋ ๆ ซึ่งเป็นสินค้าท้องถิ่น ทั้งอาหาร ของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึก ขนม และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนการเดินทางมาที่เมืองนี้ก็แสนง่าย เพียงนั่งรถไฟจากปารีสมาแค่ 1.30 ชม. เองค่ะ
3. กอลมาร์ (Colmar)
เมืองในฝรั่งเศส
Credit : canva.com
มาออกนอกเมือง ไปเที่ยวเมืองเล็ก ๆ น่ารัก ๆ อย่างเมืองเก่า กอลมาร์ เมืองในฝรั่งเศส ที่ไม่ควรพลาด เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ติดกับประเทศเยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ เมืองนี้จะรวมศิลปินและจิตรกรชื่อดังมากมาย เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์สุด ๆ ซึ่งจะคล้ายกับทางเยอรมัน โดยเฉพาะจุดไฮไลท์ที่ต้องมาเยือนก็คือ การล่องเรือในคลอง ชมบ้านเรือนที่สวยงามสไตล์ดั้งเดิมริมฝั่งคลองทั้งสองฝั่ง ที่มีการประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ช่วยทำให้บรรยากาศดูมีเสน่ห์ และดูโรแมนติกมาก ๆ เลยค่ะ และที่นี่เองได้ถูกขนานนามว่า Little Venice
โดยเฉพาะหากเดินทางเที่ยวในช่วงคริสต์มาส ที่นี่ก็จะมี ตลาดคริสต์มาส ซึ่งก็โด่งดังไม่แพ้ที่เมืองสตราสบูร์กเลยนะคะ ถูกจัดเป็นตลาดคริสต์มาสที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของยุโรปเลยทีเดียว จะมีการรวมสินค้าท้องถิ่นที่สื่อถึงศิลปะวัฒนธรรมของชาวท้องถิ่น มีสินค้าให้เลือกมากมาย ทั้งของที่ระลึก ประดับตกแต่ง สินค้าแอนด์เมด เครื่องประดับ ขนมท้องถิ่น หรือจะนั่งจิบไวน์ ดื่มด่ำกับบรรยากาศสบาย ๆ ให้เพลิดเพลินได้ทั้งวันทั้งคืน จะพาคู่รักมาเที่ยว มาฮันนีมูน ก็เหมาะมากเลยค่ะ
4. เมืองชาโมนิก (Chamonix)
Credit : canva.com
ถัดมาคือ เมืองชาโมนิก ที่ติดกับชายแดนอิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ สามารถขึ้นรถบัสจากสนามบินเจนีวา มาถึงที่นี่ได้เลย ซึ่งจุดเด่นของเมืองนี้ก็คือ บรรยากาศเย็นสุดขั้ว และการเดินเที่ยวท่ามกลางหิมะ ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง ให้บรรยากาศเย็นถึงใจ สมชื่อเมืองแห่งน้ำแข็งมาก ๆ แถมเมืองนี้ยังตอบโจทย์ คนที่อยากมาเที่ยวท่ามกลางหิมะ และชอบเล่นสกีกันแบบสุด ๆ เพราะที่นี่มีบริการสกีรีสอร์ทบนเทือกเขาแอลป์ ให้ได้เล่นกันด้วย ส่วนภายในตัวเมืองก็ค่อนข้างสงบ ไม่แออัด และมีค่าครองชีพไม่แพงมาก จัดว่าเป็น เมืองในฝรั่งเศส แบบสบาย ๆ ที่น่าประทับใจ ไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน
5. เมืองลียง (Lyon)
Credit : canva.com
มาต่อกันที่ เมืองลียง เมืองสุดคลาสสิก ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ใกล้กับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีความเก่าแก่มากถึง 2,000 ปี จนได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว และสำหรับความน่าสนใจของที่นี่ ก็คือ พิพิธภัณฑ์ African Museum of Lyon โรงละคร Opera Nouvel และโบสถ์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Basilica of Notre-Dame de Fourviere เมืองนี้ยังถือเป็น เมืองแห่งการทำอาหารของฝรั่งเศส ผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหาร ต่างพากันเดินทางไปที่เมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ เพื่อลิ้มรสอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับ โดยเฉพาะอาหารท้องถิ่นอย่าง Bouchons ที่มาแล้วต้องลองสักครั้ง รับรองได้เลยว่า คุ้มค่ากับการไปเที่ยวอย่างแน่นอน
6. เมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux)
Credit : canva.com
เมืองบอร์กโดซ์ นี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม และสมบัติทางสถาปัตยกรรมมากมาย ซึ่งองค์การยูเนสโก้ กำหนดให้เป็นมรดกโลก และมีชื่อเสียงมากในเรื่องของ ไวน์ ที่มีรสชาติอร่อย และหรูหราสุด ๆ เหมาะสำหรับคนรักไวน์ทั้งหลายได้มาลองดื่ม ไปพร้อม ๆ กับการชมวิวสวย ๆ ของที่นี่ ในบรรยากาศที่ถูกขนาบข้างด้วยแม่น้ำทั้งสองฝั่ง และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ต่างจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของฝรั่งเศสทั่วไป เมืองนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าหลงใหลและน่าประทับใจมาก ๆ เช่นกัน
7. เมืองคานส์ (Cannes)
Credit : canva.com
หลาย ๆ คน น่าจะรู้จัก เมืองคานส์ แห่งนี้ เพราะมีการจัด เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เมืองคานส์ งานพรมแดง ที่รวมเหล่าคนดังจากวงการภาพยนตร์ทั่วโลกมาไว้ ซึ่งเป็นเทศกาลชื่อดังระดับโลกเลยนะคะ แต่ในเรื่องของที่เที่ยว ที่นี่ก็จัดเป็นเมืองที่น่าเที่ยวเช่นกัน เป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ทำให้มีบรรยากาศอบอุ่น เย็นสบาย แถมยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้เลือกทำกันได้อย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็น การดำน้ำ การแล่นเรือใบ หรือการมาเที่ยวงานเทศกาล 2 งานใหญ่ ๆ ที่ปีหนึ่งจะมีการจัดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ที่นี่จึงมีผู้คนเดินทางมาเที่ยวกันทุกปี จนกลายเป็นเสน่ห์อีกอย่างของเมืองนี้ ที่ห้ามพลาดกันเลยทีเดียว
8. เมืองนีซ (NICE)
Credit : canva.com
เมืองนีซ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส และเป็นที่เที่ยวฝรั่งเศส สุดพีค สำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนตากอากาศริมทะเลเป็นที่สุด เพราะจุดเด่นของที่นี่ก็คือ ชายหาดแสนสวย สุดแสนโรแมนติก ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่โด่งดังมาก ๆ แถมช่วงกลางคืนยิ่งเหมาะกับการพาคนรู้ใจ มาเดินเล่นชมดาวที่ส่องแสงวิบ ๆ วับ ๆ อยู่บนท้องฟ้า ที่นี่มีถนนคนเดิน Promenade des Anglais ที่ทอดยาวไปโค้งของอ่าว นอกจากนี้เมืองนีซ ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวกับอนุสรณ์ประวัติศาสตร์มากมาย ยิ่งถ้าใครวางแผนจะไปกันเป็นคู่แล้วละก็ ที่นี่พลาดไม่ได้ ในการมา เที่ยวฝรั่งเศส เลยล่ะค่ะ
9. เมืองกอร์เดส (Gordes)
Credit : canva.com
เมืองในฝรั่งเศส ที่ไม่ควรพลาดที่ต้องไปเยือน อย่าง เมืองกอร์เดส ตั้งอยู่ในแคว้นโพวองซ์ (Provence) ดินแดนแห่งทุ่งลาเวนเดอร์ เมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส หรือฝรั่งเศสตอนใต้ ซึ่งติดกับประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงาม และอากาศบริสุทธิ์ ขึ้นชื่อเรื่องไวน์เพราะที่นี่ปลูกไวน์กันเยอะ เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และโดดเด่น ให้เราได้เดินเล่น ชมความงามของหมู่บ้าน
ซึ่ง หมู่บ้านกอร์เดส (Gordes village) ถูกเลือกให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนภูเขาหิน ที่มีอายุนับพันปี มีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บของเก่าทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างมากมาย รายล้อมไปด้วยไร่องุ่น และสวนลาเวนเดอร์ บริเวณใกล้กันยังมีโบสถ์ Notre-Dame of Sénanque Abbey โบสถ์สวย ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ ถ้ามาในช่วง ปลายเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม จะได้เห็นความสวยงาม ของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงด้วยนะคะ
10. เมืองเอ็กซองโพรวองซ์ (Aix-en-Provence)
Credit : canva.com
เป็นอีกเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นโพรวองซ์ ซึ่งถือเป็น ดินแดนแห่งทุ่งลาเวนเดอร์ นั่นก็คือ เมืองแอ็กซ็องโพรวองส์ ถือเป็นเมืองเก่าที่มีเสน่ห์มาก ๆ บรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความคลาสสิกและหรูหราตามสไตล์ฝรั่งเศส ให้เราได้ชมอาคารบ้านเรือนสไตล์บาร็อค สัมผัสวิถีชีวิตชองชาวโพรวองซ์ มีตลาดให้เดินซื้อของ มีสินค้ามากมาย ทั้งผักผลไม้ท้องถิ่น ดอกไม้สด ในอดีตเคยเป็นเมืองสมัยโรมันที่มีความรุ่งเรืองมาก นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินบนถนนที่ปูด้วยหิน ในย่านเมืองเก่า Vieil Aix ชมน้ำพุใหญ่ที่กลางจัตุรัสเมืองเก่า และเดินเล่นสบาย ๆ ผ่อนคลายที่ร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง อย่าง Musée Granet ที่จัดแสดงศิลปะภาพวาดจากศตวรรษที่ 14 เหมือนให้เราได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกด้วย
|